วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รถราง พาหนะนำเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด
แม้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จะเคยไปนู่นมานี่ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่กับจังหวัด "ร้อยเอ็ด"นี่ นานๆถึงจะมีโอกาสไปเยือนสักครั้ง แต่สำหรับปีนี้เป็นปีพิเศษที่ทางจังหวัดร้อยเอ็ดจัดเป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเราจึงเดินทางกลับไปเยือนเมืองนี้อีกครั้ง(ในรอบหลายๆปี) พร้อมกับไม่ลืมที่จะขอฉายภาพทางการท่องเที่ยวบางมุมของเมืองร้อยเอ็ดมาเล่าสู่กันฟัง
สำหรับวิธีหนึ่งที่จะได้สัมผัสกับเมืองร้อยเอ็ดอย่างใกล้ชิดนั้น "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอแนะนำให้ลองมานั่งรถรางท่องเที่ยวที่จะพาเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดดู เพราะนอกจากจะได้ซอกแซกไปตามถนนหนทางอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ยังจะได้รับความรู้จากมัคคุเทศก์เสียงใสๆ ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษบนรถอีกด้วย
บึงพลาญชัย สัญลักษณ์เมืองร้อยเอ็ด
จุดเริ่มต้นของรถรางท่องเที่ยวในครั้งนี้อยู่ที่ "บึงพลาญชัย" สถานที่ที่คนร้อยเอ็ดบอกว่า ถ้าไม่ได้เห็นก็ถือว่ายังมาไม่ถึงร้อยเอ็ด บึงกว้างกว่า 50 ไร่แห่งนี้อยู่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด และถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ด้วย แต่เดิมนี้เคยเป็นบึงตื้นเขิน มีต้นหญ้าต้นกกขึ้นรก ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดคนแรกคืออำมาตย์เอกสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางศุ) จึงได้เกณฑ์ไพร่พลมาช่วยกันขุดลอกบึงพลาญชัยเพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง การขุดลอกบึงนั้นใช้เวลากว่า 2 ปีจึงสำเร็จ และดินที่ขุดขึ้นมาได้ก็นำมาถมเป็นถนนรอบบึงพลาญชัยนั่นเอง ต่อมาก็ได้มีการขุดลอกคูคลองอีกเช่นกัน และดินที่ได้ก็นำมาถมทำเป็นเกาะเล็กๆกลางบึงพลาญชัยได้อีกด้วยและเกาะหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดร้อยเอ็ดไว้อีกด้วย โดยเสาหลักเมืองนี้ก็ขุดพบเมื่อครั้งที่มีการขุดลอกบึงพลาญชัยครั้งแรกนั่นเอง เสาหลักเมืองนี้เป็นเสาไม้ตะเคียน ปลายกลมมน ยาวประมาณเมตรเศษๆ ตั้งอยู่กลางบึงพลาญชัย เป็นที่เคารพของคนร้อยเอ็ดเรื่อยมา

เสาหลักเมืองร้อยเอ็ด

บริเวณโดยรอบบึงพลาญชัยยังมีจุดพักผ่อนหย่อนใจอีกหลายจุดที่รถรางพาวิ่งผ่าน มีลานออกกำลังกายและลานกีฬาเยาวชน มีสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ซึ่งมีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ประดิษฐานไว้ และมีพระพุทธโคดมมงคลศิริพัฒนาบึงพลาญชัย พระพุทธรูปปางลีลา ประดิษฐานไว้กลางสวนพฤกษศาสตร์ นอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังเป็นที่ตั้งของ "สระบริสุทธิ์" สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 สระโบราณของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีถือน้ำพระพิพัฒสัตยา เป็นต้น
      ออกจากบึงพลาญชัยมาแล้ว รถรางพา "ผู้จัดการท่องเที่ยว" มาแวะที่ "สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ" ให้ได้ลงไปยืดแข้งยืดขาชมปลาว่ายน้ำกัน สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่เมืองร้อยเอ็ดนี้เป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดแห่งแรกและแห่งเดียวในภาคอีสาน ซึ่งแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็น่าสนใจด้วยปลาน้ำจืดชนิดต่างๆ ทั้งปลาท้องถิ่น และปลาน้ำจืดที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก เช่น ปลาหมอสี ปลาจระเข้ ปลาเรดเทล แคทฟิช หรือปลาดุกยักษ์อเมซอน ปลาตะเพียนทอง ปลาหว้าหน้านอ และ ฯลฯ โดยปลาเหล่านี้ก็จะอยู่ในตู้กระจกจำนวน 24 ตู้ และอยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่อีกหนึ่งตู้ ซึ่งตู้ปลาตู้ใหญ่นี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีอุโมงค์แก้วลอดผ่านตู้ปลาให้ผู้ที่มาชมรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในตู้ปลาด้วย โดยอุโมงค์นี้ก็มีความยาวประมาณ 8 เมตรด้วยกัน
ชมปลามากมายที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด
เสร็จจากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดแล้ว รถรางก็เริ่มเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางท่องเที่ยวในตัวเมืองร้อยเอ็ดอีกครั้ง โดยรถได้วิ่งผ่าน "วัดบึงพระลานชัย" ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ในสมัยก่อนเมื่อทหารออกไปทำศึกสงครามแล้วชนะกลับมา ก็จะมาทำพิธีล้างคราบเลือดจากดาบใน "สระชัยมงคล" สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด โดยเชื่อกันว่า เมื่อทำพิธีแล้ว วิญญาณของคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบนั้นจะไม่ตามมาหลอกหลอน
รถรางวิ่งผ่านบริเวณถนนเสนาเริ่มคิด พร้อมๆกับที่มัคคุเทศก์ประจำรถเล่าว่า ในบริเวณเมืองร้อยเอ็ดนี้ยังเป็นแหล่งรอยอารยธรรมโบราณในสมัยทวาราวดี โดยได้พบหลักฐานทางโบราณคดี เช่น กระดูกมนุษย์โบราณ กระดูกสัตว์จำพวกวัวควาย และกำไลโลหะสำริด จึงสันนิษฐานได้ว่าเมืองร้อยเอ็ดเคยมีผู้คนอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาอย่างมาก สังเกตจากหลักฐานที่พบ ไม่ว่าจะเป็นสถูปทรงบัวเหลี่ยม ใบเสมาหิน เสาหินแปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาทั้งสิ้น

นี่ละคร้าถ้าได้มาอิสานอย่าลืม บึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด เดอพี่น้อง

***************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น